ข้อควรระวังในการใช้รถ ที่ไม่ควรมองข้าม

ข้อควรระวังในการใช้รถ ที่ไม่ควรมองข้าม

กลับมาอีกครั้งหลังจากห่างหายกันไปนานพอสมควร วันนี้เรามีบทความดีๆเกี่ยวกับข้อควรระวังในการใช้รถมานำเสนอ เพื่อช่วยให้ท่านเดินทางปลอดภัยตลอดเส้นทาง


1. อย่าลากเกียร์ใดเกียร์หนึ่งระยะยาว
    การใช้เกียร์ควรทำให้เหมาะสมกับรอบเครื่องและจังหวะการทำงานของเครื่องยนต์ โดยควรเปลี่ยนเกียร์ที่ความเร็วรอบเครื่องเฉลี่ยที่ 2500 รอบและไม่เกิน 3000 รอบ ซึ่งการทำเช่นนี้นั้น จะช่วยถนอมอายุการใช้งานของเกียร์ คลัช อีกทั้งยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันอีกด้วย

2. อย่าขับรถจนน้ำมันหมดถัง
    การขับรถจนน้ำมันหมดถัง จะทำให้เกิดตะกอนค้างที่เครื่องกรองน้ำมันได้ ส่งผลให้เครื่องกรองน้ำมันเสื่อมสภาพและอายุการใช้งานลดลง

3. ควรปรับพวงมาลัยให้อยู่ในตำแหน่งที่ถนัดมือ คล่องตัวและสบายในการขับขี่
    รถรุ่นใหม่สามารถปรับแกนพวงมาลัยให้เหมาะสมกับร่างกายของผู้ขับขี่ได้ อย่าปรับให้พวงมาลัยจนอยู่ในตำแหน่งที่มองแผงหน้าปัดยาก ล็อคแกนพวงมาลัยให้มั่นคงหลังจากปรับตำแหน่งที่ถนัดแล้ว ห้ามปรับพวงมาลัยในขณะรถเคลื่อนที่เด็ดขาด

4. อย่าให้ไฟส่องสว่างของรถดวงหนึ่งดวงใดขาด
    สัญญาณไฟแสดงให้รถคันอื่นเข้าใจถึงเจตนาการขับขี่ของเรา แต่หากไฟสัญญาณดวงหนึ่งดวงใดขาดไป อาจทำให้เป็นอันตรายแก่การใช้รถใช้ถนนไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟเลี้ยว หรือไฟเบรค ควรตรวจสอบระบบไฟส่องสว่างอย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยทั้งคุณและเพื่อนร่วมทาง
5. กระพริบไฟหน้าแทนแตร
    การกระพริบไฟหน้าเป็นสัญญาณสูง ต่ำ สูง ต่ำ เป็นการเตือนผู้ขับขี่รายอื่นให้ระวังรถของเราได้ในกรณีที่คาดว่ารถคันอื่นนั่นอาจไม่ได้ยินเสียงแตรจากรถของเรา
6. อย่าปล่อยเกียร์ว่างขณะขับรถลงทางลาด หรือลงเขา
    การปล่อยให้รถไหลไปเองโดยไม่ใช้การขับเคลื่อนจะทำให้เกิดความเร็วสะสมสูง เมื่อพบเจอสิ่งกีดขวางหรือเมื่อต้องการชะลอความเร็วอาจทำให้ควบคุมรถได้ยาก และเป็นการเพิ่มภาระการทำงานของเบรค ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการเบรคแตกได้
7. ใกล้ทางแยก ทางร่วม อย่าเปลี่ยนเลนกะทันหัน
    เมื่อใกล้ทางแยก ทางร่วม คุณต้องตัดสินใจให้ดีว่าคุณกำลังจะไปทางไหน ซ้าย-ขวา หรือตรง อย่าตัดเลนซ้ายมาขวา หรือขวามาซ้ายในทันที อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ หรือไม่ก็ถูกตำรวจจับแน่นอน
8. อย่าเร่งรถหากกำลังถูกแซง
    จะเป็นการผิดมารยาทอย่างยิ่ง หากรถของคุณที่กำลังถูกแซงเร่งเครื่องหนีด้วยความเร็วเพิ่มขึ้น เมื่อเห็นว่ารถคันขวาของคุณกำลังจะแซง ควรชะลอความเร็วเพื่อให้รถของเขาแซงขึ้นไปได้อย่างรวดเร็ว

9. ขับรถขึ้นเขา
    กรณีขับรถขึ้นเขาหรือเนิน แน่นอนว่ารถของคุณต้องใช้กำลังเพิ่มมากขึ้น การขับต้องเปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำกว่าเดิมเพื่อรักษาความเร็วรอบของเครื่องยนต์ และลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ เป็นวิธีขับขี่ที่ถูกต้องและยืดอายุการใช้งานของรถคุณอีกด้วย

10. ขับรถลงทางลาด
    การขับรถขึ้นเนินจะเห็นได้ว่าเราควรที่จะใช้เกียร์ต่ำเพื่อรักษาความเร็วของรถ กรณีลงทางลาดก็ต้องใช้เกียร์ต่ำเช่นกัน การใช้เกียร์ต่ำนั้นเพื่อลดอัตราเร็วของรถแทนการใช้เบรค เพราะหากใช้เบรคในทางลาดมากไป จะทำให้เบรคลื่นและจับไม่อยู่เนื่องจากความเร็วสะสมและระบบเบรคมีความร้อนสะสมสูงกว่าทางราบปกติ เพื่อป้องกันเบรคแตก

11. จอดรถหันหน้าขึ้นเนิน/ลงเนิน
    การจอดรถประเภทนี้ หากหลีกเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่ยง แต่ถ้าหากกรณีจำเป็นต้องจอดจริงๆ ให้จอดรถชิดขอบทางด้านซ้ายมากที่สุด หมุนพวงมาลัยให้ล้อหันไปทางขวาป้องกันการเคลื่อนที่ อาจใช้การเข้าเกียร์หนึ่งทิ้งไว้และใช้เบรคมือช่วยให้มั่นคงอีกครั้ง

12. เบรคบนทางโค้งอันตราย!
    ควรหลีกเลี่ยงการเหยียบเบรครุนแรงบนทางโค้ง เพราะจะทำให้รถยนต์เสียการทรงตัวและมีแนวโน้มลื่นไถลหลุดโค้งได้ หากเห็นได้ว่าทางข้างหน้าเป็นทางโค้ง ควรชะลอความเร็วและเบรคไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าโค้ง ทำให้ความเร็วขณะเข้าโค้งไม่มาก และสามารถควบคุมรถได้ง่าย และปลอดภัยที่สุด

13. ไฟเขียวให้รีบไปแน่หรือ
    การขับรถบริเวณทางแยกที่มีไฟจราจรกำกับและเป็นไฟเขียวอยู่ เราไม่ควรตะบี้ตะบันเหยียบคันเร่งให้ทันสัญญาณไฟ ควรใช้การสังเกตดูจากรอบตัวว่าไฟเขียวนั้นนานแค่ไหน รถจากอีกฝั่งหนึ่งมีแถวยาวหรือไม่ และควรเว้นระยะกับรถคันหน้าเผื่อหากคันหน้ามีการเบรคกะทันหัน คุณจะไม่ไปชนท้ายคันข้างหน้า ซึ่งถ้าหากเกิดอุบัติเหตุชนท้ายขึ้น คุณนั่นเองที่เป็นฝ่ายผิด

14. ไม่แตะเบรคขณะรถลื่นไถล
    กรณีรถเสียการทรงตัว อันเนื่องจากสภาพถนนลื่น ขอให้คุณตั้งสติให้มั่น อย่าได้ตกใจให้ยกเท้าออกจากคันเร่งและจับพวงมาลัยให้มั่นคงควบคุมให้รถบนถนน ถึงแม้รถคุณอยู่ในสภาวะลื่นไถลห้ามแตะเบรค หรือเหยียบเบรคโดยเด็ดขาด เพราะนั่นจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก รถของคุณจะหมุนทันที และหากคุณใช้ความเร็วสูงอาจทำให้เกิดการพลิกคว่ำขึ้นได้

15. ยางอะไหล่ต้องพร้อมเสมอ
    รถทุกคันมียางอะไหล่ติดตั้งไว้จากโรงงานอยู่แล้ว แต่เราควรที่จะตรวจสอบสภาพของยางอะไหล่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นลมยางควรต้องมีความดันลมตามมาตรฐานเสมอ ไม่อ่อนจนเกินไป เพราะหากเกิดฉุกเฉินยางรั่วหรือแตกขึ้นมา จะได้นำยางอะไหล่นั้นใช้งานได้ทันที

16. ดินโคลนเจ้าปัญหา
    อย่าปล่อยให้ดินโคลนติดอยู่กับรถเป็นเวลานาน ควรเอาใจใส่ทุกๆ จุดแม้ใต้ท้องรถที่คิดว่าดินโคลนจะไปเกาะติดได้ เพราะดินโคลนเมื่อติดจับอยู่กับสิ่งใดเป็นเวลาจะก่อให้บริเวณนั้นเป็นสนิมได้ ทางที่ดีควรมีการล้าง อัด ฉีด รวมถึงล้างช่วงล่างบ้าง อย่างน้อยๆ เดือนละครั้ง

ไม่มากเกินไปใช่ไหมครับ กับข้อควรระวังในการใช้รถที่เรานำเสนอให้ เพียงใส่ใจในการขับขี่สักนิด สามารถเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ได้มากเลยทีเดียว

facebook fanpage

latest tweets