รถบรรทุกเติมลมยางเท่าไหร่ ?

รถบรรทุกเติมลมยางเท่าไหร่ ?



ข้อแนะนำในการเติมลมยางรถบรรทุก: ในการเติมลมยางรถบรรทุกไม่ได้ระบุตายตัวว่าต้องเติมที่ความดันลมยางที่เท่าไหร่ แต่ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ยางอยู่ในตำแหน่งไหน หากเป็นตำแหน่งเพลาขับ สามารถเติมลมยางได้ตั้งแต่ 85-100 psi ขึ้นอยู่กับขนาดยาง หากอยู่ที่ตำแหน่งพ่วงหรือล้อลากที่ต้องรับน้ำหนักการบรรทุกเยอะๆ ให้เพิ่มแรงดันเป็น 100-125 psi ตามขนาดยาง และยังสามารถเติมลมยางได้มากกว่า 130 psi ในยางขนาดใหญ่มากๆ หรือการบรรทุกสิ่งของน้ำหนักหลาย 10 ตัน

สิ่งที่ไม่ควรทำ:
- ห้ามปล่อยลมยางออกขณะที่ยางร้อน หรือเพิ่งจอดรถ
- ไม่ควรบรรทุกสิ่งของเกินกว่าน้ำหนักที่ระบุในสเปคยาง หากไม่ทราบควรปรึกษาผู้ที่มีความชำนาญ หรือติดต่อผู้ผลิตยางยี่ห้อนั้นๆ


อ่านต่อได้ที่ http://www.tiretruckintertrade.com/knowledge_view.php?id_knowledge=321
ความรู้เกี่ยวกับป้ายทะเบียนรถ และป้ายทะเบียนรถแต่ละประเภท

ความรู้เกี่ยวกับป้ายทะเบียนรถ และป้ายทะเบียนรถแต่ละประเภท

ป้ายทะเบียนรถยนต์แบบใหม่ (1 เมษายน)

หลังจากได้รับป้ายรถยนต์แบบใหม่เมื่อต้นปี (1 เมษายน) แบบที่ว่านั้นเราจะเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนน เป็นแบบที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในแง่ลบ คือแทนที่จะเปลี่ยนแล้วดีขึ้นกลับแย่กว่าเดิม เพราะกรมขนส่งทางบกได้ออกแบบให้ป้ายทะเบียน มีขนาดยาวขึ้น รูปแบบตัวอักษรเปลี่ยนไป และมีขนาดเล็กลง เปลี่ยนชื่อจังหวัดจากชื่อเต็มๆ มาใช้ตัวอักษรย่อ ซึ่งทำให้อ่านหรือจำป้ายทะเบียนได้ยากขึ้น เพราะต้องมานั่งเดาชื่อจังหวัด และตัวอักษรแบบใหม่นั้นเทียบกับแบบเก่าแล้ว แบบเก่าอ่านได้จากระยะไกลได้ดีกว่า ถ้าพูดถึงในด้านกราฟฟิก คือแบบเก่ามี legibility ดีกว่า เมื่อถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรมขนส่งทางบก จึงตัดสินใจแก้แบบให้ดีขึ้น ถูกหลักการ ตรงตามเกณฑ์การออกแบบป้ายจราจรที่ดีมากขึ้น โดยได้เริ่มนำมาใช้แล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา

ป้ายทะเบียน (ปัจจุบัน) มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ทำจากอะลูมิเนียม พื้นป้ายมีลักษณะสะท้อนแสง ตัวอักษรและตัวเลขจะถูกปั๊มนูนออกจากผิวหน้าของป้ายทะเบียน ทำให้ด้านหลังของป้ายนั้นบุ๋มเว้าลงไปตามหมายเลขทะเบียนด้วยเช่นกัน ขนาด 15x34 มี 2 บรรทัด บรรทัดแรก เป็นตัวอักษรประจำหมวดที่หนึ่ง ตัวอักษรประจำหมวดที่สอง และ หมายเลขทะเบียน บรรทัดที่สอง เป็นตัวอักษรบอกชื่อจังหวัด ลักษณะของตัว อักษรประจำหมวด หมายเลขทะเบียน ตัวอักษรบอกชื่อจังหวัด และขอบแผ่นป้าย อัดเป็นรอยดุน ตัวอักษรประจำหมวด และหมายเลขทะเบียนกว้างไม่น้อยกว่า 3.5 ซม. สูงไม่น้อยกว่า 6.2 ซม. ชื่อจังหวัดใช้ตัวเต็ม กว้างไม่น้อยกว่า 1.5 ซม. สูงไม่น้อยกว่า 2 ซม. ในแผ่นป้ายมีเครื่องหมายเป็นตัวอักษร ขส อยู่ภายในวงกลม อัดเป็นรอยดุนที่มุมล่างขวา ของแผ่นป้าย สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ ตัวอักษรประจำหมวด ใช้ตัวอักษรไทยมาตรฐาน โดยตัวแรกเป็นตัวบอกหมวดประเภทรถ และตัวที่ 2 เป็นตัววิ่ง ซึ่งมีจำนวน 39 ตัว หมาย เลขทะเบียนรถใช้ตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 9999 ในแต่ละหมวด โดยสรุปจะมีรูปแบบเหมือนที่ใช้ในวันที่ 1 เมษายน เพียงแต่ขนาดตัวอักษรและตัวเลข จะใหญ่กว่าแบบเดิม และเปลี่ยนตัวอักษรจากตัวกราฟฟิก มาใช้แบบมาตรฐานทำให้อ่านง่ายชัดเจนขึ้น สี พื้นของแผ่นป้าย สีตัวอักษร ตัวเลข และสีขอบบนของแผ่นป้ายจะมีรูปแบบเหมือนเดิมที่ใช้ในวันที่ 1 เมษายน
เว้นแต่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ให้ใช้คำว่า เบตง ในอดีตการจะขอหรือจะต่อป้ายทะเบียนรถของพลเมืองชาวเบตงต้องเข้ามาขอที่ จังหวัดยะลา ซึ่งอำเภอเบตงอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองยะลามาก การเดินทางก็ไม่สะดวก กรมการขนส่งทางบกจึงอนุญาตให้มีการจดทะเบียนรถที่เบตงได้โดยให้มีป้าย ทะเบียนรถเป็นของตัวเอง ซึ่งก็เป็นป้ายทะเบียนเดียวที่ไม่ใช่ระดับจังหวัด แต่เป็นระดับอำเภอที่เดียวของประเทศไทย นั่นคือให้มีป้ายทะเบียนเบตงนั่นเอง

ประเภทของป้ายทะเบียนนั้นสามารถใช้จำแนกประเภทการใช้งานรถได้ ดังนี้

ป้ายเหลืองอักษรแดง คือ ป้ายรถรับจ้างระหว่างจังหวัด

ป้ายเหลืองอักษรดำ คือ ป้ายรถรับจ้าง

ป้ายเหลืองอักษรเขียว คือ ป้ายรถตุ๊กตุ๊ก

ป้ายเหลืองอักษรฟ้า คือ ป้ายรถกระป๊อ

ป้ายเขียวอักษรดำ คือ ป้ายทะเบียนรถยนต์บริการธุรกิจ รถยนต์บริการทัศนาจร และรถยนต์บริการให้เช่า

ป้ายขาวอักษรฟ้า คือ ป้ายทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง

ป้ายขาวอักษรเขียว คือ ป้ายทะเบียนกระบะ

ป้ายขาวอักษรดำ คือ ป้ายทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง

ป้ายขาวอักษรแดง คือ ป้ายทะเบียนรถสามล้อ

ป้ายแสดอักษรดำ คือ ป้ายทะเบียนรถพ่วง รถบดถนน รถแทรกเตอร์ และรถใช้งานเกษตรกรรม


สำหรับป้ายทะเบียนรถอีกประเภทหนึ่งคือป้ายทะเบียนกราฟิก ซึ่งมีขึ้นภายหลังป้ายทะเบียนแบบปกติ ป้ายทะเบียนนี้จะมีพื้นหลังเป็นรูปภาพ สำหรับเลขทะเบียนรถที่มีลักษณะพิเศษ (เลขสวย) เช่น ฌร 9999 ซึ่งเลขทะเบียนเหล่านี้จะถูกเปิดประมูลโดยกรมการขนส่งทางบก ป้ายทะเบียนชนิดนี้จะมีภาพพื้นหลังป้าย ที่สื่อถึงจังหวัดนั้นๆ เช่น กรุงเทพมหานคร จะมีรูปวัดพระแก้ว อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานพระราม 8 เป็นพื้นหลัง เป็นต้น ปัจจุบันมีการเปิดประมูลป้ายทะเบียนกราฟิกเฉพาะที่เป็นทะเบียนของรถยนต์นั่ง ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง เท่านั้น
ขอบคุณข้อมูล,รูปภาพจาก http://www.toyotanon.com,http://th.wikipedia.org,http://www.dek-d.com
รถไถเดินตาม และยางรถไถเดินตาม ดอกก้างปลา สำหรับไถพรวนในพื้นที่จำกัด

รถไถเดินตาม และยางรถไถเดินตาม ดอกก้างปลา สำหรับไถพรวนในพื้นที่จำกัด


รถไถเดินตาม

ปัจจุบันเกษตรกรชาวไร่ชาวนาส่วนใหญ่นิยมหันมาใช้รถไถแบบเดินตามแทนการใช้แรงงานจากวัวควายกันมากขึ้น โดยรถไถเดินตามที่ใช้ในบ้านเราส่วนใหญ่ออกแบบและผลิตโดยฝีมือคนไทย ซึ่งส่วนมากจะมีโครงสร้างการทำงานแบบง่ายๆแต่มีประสิทธิภาพ เหมาะกับสภาพพื้นที่และลักษณะของงานที่มีในประเทศไทยเรา แต่ก็ยังมีบางส่วนที่เป็นรถไถเดินตามที่สั่งมาจากต่างประเทศแต่ไม่เป็นที่นิยมใช้งานเนื่องจากราคาแพงกว่าที่ผลิตในบ้านเรามาก เกษตรกรใช้รถไถเดินตามเป็นเครื่องมือในการไถเตรียมดินเพื่อการเพาะปลูกเป็นส่วนใหญ่ เพราะมีขนาดเล็กและกำลังส่งน้อยจึงไม่เหมาะกับงานใหญ่ๆที่ใช้ในพื้นที่กว้าง นอกจากนั้นแล้วรถไถเดินตามยังสามารถใช้เป็นในการทำงานอื่นๆ เช่น ใช้ลากเครื่องปลูกพืช ลากจูงรถพ่วงขนถ่ายสิ่งของต่างๆ เครื่องยนต์ของรถไถสามารถใช้เป็นเครื่องสูบนํ้าได้อีกด้วย ถือว่ามีความเอนกประสงค์มากสำหรับรถไถเดินตาม ส่วนประกอบของรถไถเดินตามจะมีรูปร่างหน้าตา และลักษณะคล้ายคลึงกัน ต่างกันแค่เพียงขนาดซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามผู้ผลิต และความนิยมของเกษตรกรในท้องที่นั้นๆ ซึ่งเราสามารถจำแนกส่วนประกอบสำคัญของรถไถเดินตาม ได้ดังนี้

1. โครงแขนยึดเครื่อง

โครงแขนยึดเครื่องเป็นส่วนเชื่อมติดกับห้องเฟือง และเป็นที่วางตำแหน่งของเครื่องยนต์ โดยมีแท่นเครื่องรองรับอีกชั้นหนึ่ง เครื่องยนต์ที่ติดตั้งอยู่บนแท่นเครื่องสามารถเลื่อนไปมาได้ เมื่อคลายน๊อตที่ยึด

2. เครื่องยนต์

เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นต้นกำลังในการขับเคลื่อนรถไถเดินตามส่วนใหญ่ติดเครื่องยนต์เบนซินที่มีขนาด 5-8 แรงม้า หรือเครื่องยนต์ดีเซลที่มีขนาด 8-12 แรงม้า เครื่องยนต์ดีเซลเป็นที่นิยมใช้มากกว่า ถึงแม้ว่าเครื่องยนต์เบนซินจะมีข้อดีที่ราคาต้นทุน และค่าซ่อมบำรุงตํ่า เพราะเครื่องยนต์ดีเซลมีความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งานหนัก ค่านํ้ามันเชื้อเพลิงถูกกว่า นอกจากนั้นยังให้แรงม้าสูงที่รอบตํ่าทำให้อัตราทดของเกียร์ และขนาดของห้องเกียร์ลดลง สำหรับเครื่องยนต์ที่วางอยู่บนโครงแขนยึดเครื่องนั้น สามารถจะเลื่อนไปมาได้ตลอดแนว เพื่อความสะดวกในการปรับตั้งความตึงของสายพานที่ส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังห้องเฟืองอีกด้วย

3. ห้องเฟือง

ห้องเฟือง ทำ หน้าที่ทดกำ ลังที่ส่งมาจากเครื่องยนต์ออกไปหมุนล้อโดยอาศัยเฟือง และโซ่ หรือ เฟืองเพียงอย่างเดียว แต่ระบบเฟืองและโซ่ในปัจจุบันเริ่มเสื่อมความนิยมใช้ เนื่องจากเมื่อใช้ไปนาน ๆ โซ่จะหย่อน ต้องมีการปรับความตึงของโซ่บ่อย ๆ นอกจากนั้นยัง ทำ ให้ห้องเกียร์มีขนาดใหญ่เทอะทะ แต่ข้อดีก็มีคือราคาถูกกว่า

4. สายพาน

สายพาน เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการส่งกำลังออกจากเครื่องยนต์ไปยังห้องเฟืองผ่านมู่เล่ โดยมีลูกเตะสายพานเป็นตัวที่ทำให้สายพานตึงหรือหย่อน โดยปกติสายพานที่ใช้มักจะเป็นคู่ เพื่อลดการลื่นที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างสายพานกับมู่เล่ ส่วนมู่เล่นั้นอาจเป็นแบบเถา ซึ่งทำให้สามารถเปลี่ยนอัตราทดรอบระหว่างเครื่องยนต์และห้องเฟืองได้ 2 ขนาด คือ ทดรอบช้าสำหรับไถ และทดรอบเร็วสำหรับการขนส่งหรือเคลื่อนย้าย

5. ล้อ

ล้อของรถไถเดินตาม เป็นล้อที่ทำด้วยเหล็กมีแผ่นครีบติดอยู่ใต้ล้อ ทำให้มีชื่ออีก อย่างหนึ่งว่า ตีนเป็ด และมีอีกแบบเป็นแบบล้อยาง  มีลักษณะเป็นบั้งๆ เหมือนก้างปลา หน้าที่ตะกุยดินไม่ให้ลื่นขณะทำงาน นอกจากนั้นยังช่วยพยุงไม่ให้รถไถจมในขณะที่กำลังใช้งานในดินเหลว ล้อนี้เหมาะสำหรับทำงานในนา ถ้าเป็นงานไร่รถจะกระเทือนมาก ทำให้ผู้ใช้เหนื่อยง่าย ดังนั้นถ้าจะใช้งานในไร่หรือถนนก็ควรจะใช้ล้อยางหรือเชื่อมวงเหล็กกลมบนแผ่นครีบของวงล้อ

6. คันบังคับ

คันบังคับที่สำคัญของรถไถเดินตาม คือ มือจับที่ใช้สำหรับบังคับทิศทาง ซึ่งติดอยู่ปลายโครงแขนที่ต่อออกมาจากหลังห้องเฟือง โครงแขนนี้มักจะฉีกหักเสียหายก่อนส่วนอื่น โดยเฉพาะรถไถเดินตามประเภทผลักเลี้ยว ซึ่งต้องใช้แรงเหนี่ยวโหนขณะเลี้ยวสูง เพราะฉะนั้นโครงแขนนี้จึงยาวกว่าประเภทอื่น ซึ่งเป็นผลทำให้การนำไปใช้งานในแปลงขนาดเล็กไม่สะดวก ถ้าเป็นรถไถประเภทบีบเลี้ยวก็จะมีสายและก้านบีบเลี้ยวอยู่ที่มือจับ ถ้าเป็นรถไถประเภทที่มีเกียร์ก็จะมีคันเกียร์เพิ่มขึ้นมาสำหรับส่วนประกอบขั้นพื้นฐาน ซึ่งเหมือนกันก็มีคันเร่งเครื่อง และคันชักลูกเตะสายพาน

ยางรถไถเดินตาม


ยางรถไถชนิดเดินตาม มีลักษณะเป็นดอกก้างปลา ดอกลึกมาก ลักษณะดอกยางใหญ่และหนามาก ให้การใช้งานที่สมบุกสมบัน ด้วยขนาดยางที่ไม่ใหญ่ให้การบังคับที่คล่องแคล่ว สามารถใช้งานในพื้นที่แคบๆได้ดี เหมาะกับงานไถพรวน ไร่ สวน ที่มีพื้นที่จำกัด พื้นที่ไม่ใหญ่มาก และรถไถขนาดใหญ่เข้าถึงได้ยาก

คุณสมบัติของยางรถไถเดินตาม

  1. เหมาะสำหรับพรวนดินไถกลบวัชพืช ได้แก่ พรวนดินในไร่อ้อย มันสำปะหลัง และสวนผลไม้ต่างๆ

  2. วงเลี้ยวแคบ ตอบสนองการใช้งานในพื้นที่จำกัดได้ดี

  3. เหมาะสำหรับการใช้งานกับพื้นดินที่เป็นเนิน

  4. สามารถใช้งานข้ามคันนาหรือเนินได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น

ยางรถไถเดินตามที่แนะนำ

SIAMES : AG680

NAGANO : AG682

ขนาดยางรถไถเดินตาม ยางรถไถ ยางรถการเกษตร (Agricultural Tires)
3.50-6, 4.00-6, 13X5.00-6, 3.50-8, 4.00-8, 16X6.50-8, 4.00-10, 4.00-12, 23X8.50-12, 23X10.5-12, 26X12.0-12, 5.60-13, 6.50-14, 5.00-15, 6.00-16, 7.00-16, 7.50-16, 8.00-16, 8.25-16, 9.00-16, 10.00-16, 11.00-16, 7.50-18, 8.00-18, 4.00-19, 6.00-19, 8.3-22, 9.5-22, 9.5-24, 11.2-24, 12.4/11-24, 14.9-24, 16.5/85-24, 15.5/80-24, 13.6-26, 18.4-26, 23.1-26, 12.4/11-28, 16.9/14-28, 18.4/15-28, 16.9/14-30, 18.4/15-30, 16.9/14-34, 18.4/15-34, 13.6-38, 15.5-38, 18.4/15-38, 20.8-38, 24.5-32, 11L-15, 11.5/80-15.3, 12.5/80-15.3, 11L-16, 380/55-17, 14.9-24, 16.9-24, 17.5L-24, 18.4-24, 19.5L-24, 21L-24, 16.9-28


ลิ้งค์ขนาดยางรถไถนา และยางรถการเกษตร (Agricultural Tire Size) 

จำหน่ายทุกยี่ห้อ อาธิเช่น ยาง AUFINE , ADVANCE , DEESTONE , DURO , BKT , BRIDGESTONE , ARMOUR , SHUNGIN , VEE RUBBER , DOUBLE COIN , OASIS , SAMSON , OTANI , HANKOOK , AEOLOUS , CONTINENTAL , MICHELIN , EXCEL , NAGANO , SIAMES , AMS และอื่นๆอีกมากมาย

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tiretruckintertrade.com/

บทความต่างๆเกี่ยวกับยางรถยนต์และบทความน่ารู้เกี่ยวกับการใช้รถยนต์

FANPAGE : https://www.facebook.com/tiretruckcenterintertrade

EMAIL : SALE@TIRETRUCKINTERTRADE.COM

TEL. : 053-510068 , 083-0938048 , 094-7201988   FAX : 053-510068

ข้อแนะนำในการเติมลมยาง เพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

ข้อแนะนำในการเติมลมยาง เพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

การเติมลมอย่าซีเรียสครับ มันไม่ตายตัว ตามใจผู้ใช้รถเลย หากเข้าใจหลักรวมๆแล้ว ขอแค่ให้ลิมิตอยู่ในระดับ 32-40 Psi พอ อย่าไปตกใจหากขับไปสักพักแล้ว รู้สึกยางแข็งขึ้น หรือวัดลมยาง ระหว่างทางแล้วมันเพิ่มขึ้น 3-4 Psi เป็นปกติคับ มาเริ่มกันเลย

- Hatchback - Sedan - SUV >> ใช้งานปกติ ไม่มีถังแก๊ส ให้เติมลมยางที่ 35 Psi ทั้ง 4 เส้น ถ้านั่งกันเต็มคันบ่อยๆ ให้เติมลมยางที่ 36 Psi ทั้ง 4 เส้นนะครับ หากมีถังแก๊ส ถังแก็สอยู่ที่ตำแหน่งเพลาขับไหน ให้เพิ่มแรงดันลม 37-38 Psi เพื่อช่วยรับน้ำหนักถัง

- Pickup - Van >> แล้วแต่กรณีการใช้งานคับ บรรทุกหลายๆตัน ผู้โดยสาร แล้วแต่กรณี

- Mini Size (Eco Car) สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือน้ำหนักรถ ว่าเราใช้งานประเภทใด เช่น นั่งเต็มคันตลอด ขับคนเดียว มีแก๊สไหม? ใช้รถไปซื้อของบรรทุกหนักไหม ฯลฯ

- ควรวัดลมยางตอนอุณหภูมิเย็น เช่น ตอนเช้า จอดรถทิ้งไว้ทั้งคืน หรือจอดรถทิ้งไว้ 3 ชม. ขึ้นไป จะได้ค่าที่ถูกต้องที่สุด

- ยางซีรีย์ตั้งแต่ 50 ขึ้นไป เช่น 195/50R15,195/55R15,205/50R16 ฯลฯ สามารถใช้ลม 32 ขึ้นไปได้ เนื่องจากแก้มยางมีพื้นที่ให้ยุบตัวเยอะจะเติมลมยางอ่อนนิดหน่อย หรือปกติ หรือแข็งกว่านิดหน่อยก็ได้ แต่ละแบบมีผลดี-ผลเสียต่างกัน แต่ก็สามารถใช้ได้

- ยางซีรีย์ตั้งแต่ 45 ลงมา เช่น 205/40R17,205/45R17,205/45R16 ฯลฯ ควรใช้ลมยาง 36-40 Psi สาเหตุที่ต้องใช้แรงดันลมมากกว่าซีรี่ย์อื่น เพราะยางซีรี่ย์นี้แก้มยางเตี้ยมีระยะยุบตัวได้น้อย ยิ่งถนนบ้านเรายิ่งแล้วอาการหนักกันเลยทีเดียว รับแรงกระแทกมากกว่ายางแก้มสูง ช่วงล่างทำงานหนักขึ้น หากเติมลมยางอ่อนแก้มยางจะทำงานหนัก สะสมความร้อนมาก ที่สำคัญหากกระแทกหรือตกหลุม ยางหลุดขอบ ยางแตก แม็คคดดุ้งได้ หากต้องการสวย เท่ห์ และไม่พัง ต้องคิดว่า อยากเท่ห์ต้องทน มันเป็นปกติของยางแก้มเตี้ย ย่อมกระแทกมาก เพราะรถเราใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ได้อยู่ในสนามแข่ง ถนนเรียบเนียน ไม่มีสิ่งใดมาทำอันตรายกับยางเราได้ อย่าง ซีรีย์ 40 ลงไปนี่ เติมลมที่ 40 Psi เลยครับ ต่ำสุดให้ 38 Psi เต็มที่ ช่วงแรกอาจตกใจ โห แข็งขนาดนี้ รู้สึกยางมันลื่นๆ ไม่ค่อยเกาะ ปรับการขับขี่สักพักก็จะชินครับ ต้องทำใจจริงๆ

ส่วนการดูแลยางรถยนต์ทั่วไปๆ ก็ง่ายๆนะคับ ^^

- หมั่นเช็คแรงดันลมทุกๆ 2 อาทิตย์ ขณะที่ยางเย็น(อุณหภูมิต่ำ ยังไม่ได้นำรถไปวิ่งใช้งาน)

- เวลาจอดรถแล้วไปทำธุระ ก่อนจะออกรถ ให้เดินดูยางสักรอบเผื่อกรณีรั่ว หรือฉุกเฉินอื่นๆคับ

- หากต้องการทาให้แก้มยางดำ-เงา ให้ใช้ Silicone อย่างเดียวนะคับ ห้ามอย่างอื่นเด็ดขาด

- สลับยางทุกๆ 10,000 km. หากลืมไม่ทันได้สลับยางก็ให้สลับตอน 15,000 km. อย่าลืมถ่วงล้อคู่หน้าใหม่ด้วยทุกครั้งที่สลับยาง ส่วนคู่หลังไม่จำเป็น ถ่วงไม่ถ่วงก็ได้

- อย่าจอดรถเบียดฟุตบาท / เวลาขับอย่าเข้าใกล้ริมถนนด้านใดด้านนึง เศษขยะ ฝุ่นผง ต่างๆจะกองอยู่ริมทั้ง 2 ข้างทาง อาจมีบางอย่างเป็นอันตรายต่อยางรถของท่านได้

- เวลาล้างรถเองให้เอาแปรงขนอ่อน แปรงหน้ายางบ้าง ล้างเศษฝุ่น คราบมันๆออกบ้างก็ดีครับ / หากว่างจัด นั่งแคะหินที่ติดตามร่องดอกยางออกบ้างจะดีมาก อันนี้พูดๆจริงๆนะเนี้ย 555+


ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.hondajazzlover.com/forum/index.php?topic=45609.0
ยางตัน และประเภทของยางตันที่มีใช้ในปัจจุบัน

ยางตัน และประเภทของยางตันที่มีใช้ในปัจจุบัน

ว่าด้วยเรื่องของยางกับสภาพการใช้งาน ซึ่งอาจต้องใช้งานในเขตก่อสร้าง โรงงาน หรือพื้นที่ที่มีอุปสรรคในการใช้งานมากมาย ทั้งเศษเหล็ก ตะปู สกรู เศษแก้วและของมีคมต่างๆที่พร้อมจะบาดและทิ่มตำสร้างความเสียหายให้กับยางรถของท่าน เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับยางจึงได้มีการนำยางตันมาใช้งานในสภาพการใช้งานเหล่านี้ ซึ่งยางตันแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะด้วยกัน คือ
รูปเมื่อทำการผ่ายางตันรถโฟล์คลิฟท์
 ลักษณะโครงสร้างของยางตัน

ยางตันทั่วไปจะถูกใช้ในรถยก และรถโฟล์คลิฟท์ขนาดเล็กและขนาดกลาง พบมากในโรงงาน คลังสินค้า และโกดังเก็บสินค้าต่างๆ เคลื่อนย้ายสิ่งของในระยะใกล้ๆ รองรับน้ำหนักไม่มากนัก และใช้งานกับพื้นผิวเรียบเป็นส่วนใหญ่ ยางตันประเภทนี้จะมีความแข็งแรงทนทาน และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่ายางแบบเติมลม ลดปัจจัยความเสียหายของยางจากการรั่ว การระเบิดเมื่อถูกของมีคมบาด หรือเหล็กแหลมทิ่มตำ
แต่ยางตันชนิดนี้มีน้ำหนักมากและไม่รองรับการใช้งานบนพื้นผิวขรุขระ เมื่อนำไปใช้งานบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ ยางจะกระเทือนทำให้เกิดความรำคาญต่อผู้ใช้งาน และยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบช่วงล่างและระบบขับเคลื่อนของรถอีกด้วย

จึงได้มีการคิดค้นยางตันอีกประเภทขึ้นมา คือ ยางตันแบบมีรู
ยางตันชนิดนี้ถูกออกแบบให้มีรูอยู่โดยรอบวงของยาง เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นของตัวยางในการใช้งาน และให้การเคลื่อนที่ที่นุ่มนวลกว่ายางตันทั่วไป โดย สามารถใช้งานได้ทุกสภาพพื้นผิว ทั้งพื้นเรียบและขรุขระ ซับแรงกระแทกได้ดี และยางตันแบบมีรูผลิตขึ้นเพื่อรถขนาดใหญ่ เช่น รถตักขนาดกลาง รถตักขนาดใหญ่ รถยกขนาดใหญ่ รถยกตู้คอนเทนเนอร์ (Reach Stacker) เพื่อรองรับการยกสิ่งของที่มีน้ำหนักมากๆได้ สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของในระยะทางที่ไกลขึ้นกว่ายางตันทั่วไป สามารถวิ่งผ่านพื้นผิวขรุขระ มีหลุมและอุปสรรคได้ดี แต่ยังคงคุณสมบัติของยางตันคือ ป้องกันการรั่วจากของมีคมบาด และเหล็กแหลมทิ่มตำ

ข้อมูลและรูปภาพจาก http://mclarenusa.com , http://www.reddit.com

facebook fanpage

latest tweets