เทคนิคการตรวจเช็คและบำรุงรักษารถโฟล์คลิฟท์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

 
อุปกรณ์และชิ้นส่วนต่างๆ ของรถโฟล์คลิฟท์
1. เสารถโฟล์คลิฟท์ (Mast) คือ อุปกรณ์รางเลื่อนสำหรับให้ส่วนของงาขึ้น-ลง โดยทั่วไปเสารถโฟล์คลิฟท์จะมี 2 ท่อน ซึ่งยกได้ประมาณ 3 เมตร แต่ถ้าต้องการยกได้สูง 5-6 เมตร จะต้องเปลี่ยนเสาให้สูงขึ้น หรือใช้เสา 3 ท่อน (Full Free Mast) เสา 3 ท่อน คือ อุปกรณ์พิเศษของเสา เป็นเสาที่สามารถนำไปใช้ในสถานที่ที่มีความจำกัดได้

2. กระบอกไฮดรอลิค (Hydraulic) โดยมาตราฐานรถโฟล์คลิฟท์จะมีกระบอกไฮดรอลิคอยู่ 3 ชุด ดังนี้
    2.1)  กระบอกยก คือ กระบอกไฮดรอลิคที่ทำหน้าที่ยกงาขึ้นลง มี 2 กระบอก
    2.2)  กระบอกคว่ำ-หงาย คือ กระบอกไฮดรอลิคที่ทำหน้าที่เอียงเสาไปหน้าและหลัง มี 2 กระบอก
    2.3)  กระบอกบังคับเลี้ยว คือ กระบอกไฮดรอลิคที่ทำหน้าที่บังคับการเลี้ยวของรถโฟล์คลิฟท์ ในส่วนนี้จะมีกระบอกเดียว

3. งารถโฟล์คลิฟท์ (Fork) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ยกสิ่งของต่างๆ และงายังเป็นอุปกรณ์ที่ "อันตราย" ที่สุด งานของรถโฟล์คลิฟท์มีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับลักษณะของสิ่งของที่ต้องการยก

4. ล้อหน้า (Front Wheel) คือ ล้อที่มีหน้าที่ 3 ประการ ดังนี้
    4.1)  รับน้ำหนักบรรทุก หรือ ล้อโหลด
    4.2)  ขับเคลื่อน
    4.3)  เบรค

5. ล้อหลัง (Rear Wheel) คือ ล้อที่ทำหน้าที่บังคับเลี้ยวเพียงอย่างเดียว

ทำไมเราต้องตรวจสภาพรถโฟล์คลิฟท์ก่อนและหลังใช้งาน
1. เพื่อให้รถมีสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
2. เพื่อความปลอดภัยของคนขับและผู้ร่วมงาน
3. เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
   
การสังเกตุการทำงานของรถโฟล์คลิฟท์
    การสังเกตุการทำงานของรถโฟล์คลิฟท์ หมายถึง ในขณะที่ใช้งานรถโฟล์คลิฟท์ระหว่างวัน จะต้องคอยสังเกตการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ของรถด้วยว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น
    1.) การทำงานของเบรค เมื่อใช้เบรคมีเสียงดัง เบรคไม่อยู่หรือไม่
    2.) การทำงานของเครื่องยนต์ เมื่อเร่งเครื่องแล้วพบเจออาการสะดุด หรือมีเสียงผิดปกติหรือไม่
    3.) สังเกตุเกจ์วัดอุณหภูมิของเครื่องยนต์อยู่เสมอ ถ้าพบความผิดปกติเกิดขึ้นต้องรีบดำเนินการแก้ไขในทันที
    4.) สังเกตุการทำงานของระบบไฮดรอลิค ในขณะยกต้องเร่งเครื่องยนต์มากขึ้น หรือเวลาเลี้ยวต้องใช้แรงมากขึ้นหรือไม่
  
การจ่ายไฟของแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ ที่ใช้เป็นพลังงานขับเคลื่อนรถโฟร์คลิฟท์ทั่วไปจะเป็นแบตเตอรี่ชนิด ตะกั่ว+กรด (Lead acid storage batterry)

ข้อดีของการใช้แบตเตอรี่ชนิด ตะกั่ว+กรด
    1.) สามารถเก็บพลังงานและนำไปใช้ในสถานที่ต่างๆได้
    2.) เป็นกระแสไฟฟ้า DC ซึ่งเป็นผลดีต่อ Speed controller ในการขับเคลื่อนมอเตอร์
    3.) มีความคงทนและอายุการใช้งานยาวนาน ทนต่อการสั่นสะเทือนและแรงกระแทกได้ดี
    4.) ไม่มีเสียงรบกวนขณะใช้งาน ซึ่งเป็นการป้องกันมลภาวะทางเสียงที่ก่อความรำคาญแก่ผู้ใช้
    5.) ง่ายต่อการดูแลรักษา และการนำไปใช้งาน โดยผู้ใช้งานไม่ต้องมีความรู้เฉพาะทางมากนัก และการดูแลเพียงแต่เตรียมน้ำกลั่นไว้เติมเมื่อระดับน้ำกรดต่ำกว่าขีดระดับมาตรฐาน


การบำรุงรักษาแบตเตอรี่และข้อควรระวังในการชาร์จแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์
    1.) อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งในการชาร์จ ดังนั้นควรชาร์จแบตเตอรี่ต่อเมื่อกระแสไฟใกล้จะหมดเท่านั้น และในการชาร์จแต่ละครั้งต้องชาร์จต่อเนื่องเป็นเวลา 8 ชั่วโมงติดต่อกัน ไม่ควรชาร์จแบบถอดเข้าถอดออก
    2.) บริเวณที่ใช้เป็นที่ชาร์จแบตเตอรี่จะต้องเป็นสถานที่ที่อากาศสามารถถ่ายเทได้ดี เนื่องจากในขณะที่ชาร์จ น้ำกลั่นจะระเหยออกมาทำให้เกิดมลภาระทางอากาศได้หากอยู่ในที่อับ
    3.) ก่อนทำการชาร์จแบตเตอรี่ ต้องเปิดฝาจุกน้ำกลั่นทุกครั้ง เพื่อตรวจเช็คระดับน้ำกลั่นว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่ และตรวจสอบสภาพปลั๊กไฟว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่ชำรุด หรือแตกร้าว หรือถ้าชำรุดต้องดำเนินการแก้ไขก่อนทำการชาร์จ
    4.) จะต้องเสียบปลั๊กของแบตเตอรี่กับตู้ชาร์จให้แน่น เพื่อไม่ให้เกิดการอาร์คหรือช๊อตของกระแสไฟ
    5.) จะต้องตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ สายไฟ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องของแบตเตอรี่ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอ ถ้าพบว่าขั้วแบตเตอรี่ และผิวของแบตเตอรี่สกปรก มีขี้เกลือให้ทำความสะอาดด้วยน้ำร้อน และเช็ดให้แห้ง
    6.) ควรให้ช่างผู้ชำนาญงานตรวจเช็คค่าถ่วงนำเพาะ และแรงดันของเซลล์แบตเตอรี่แต่ละเซลล์ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
 

วิธีชาร์จแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ มี 2 วิธี คือ
    1.) NORMAL CHARGER คือ การชาร์จแบตเตอรี่ตามปกติ โดยเราจะใช้การชาร์จแบบนี้เป็นประจำวัน โดยจะชาร์จหลังเลิกใช้รถในแต่ละวัน
    2.) EQUAL CHARGER คือ การชาร์จแบตเตอรี่เพื่อปรับความถ่วงจำเพาะของน้ำกรดในแต่ละเซลล์ให้ใกล้เคียงกันทั้งนี้เนื่องจากเมื่อเราใช้งานนานหลายวัน ค่าถ่วงจำเพาะของน้ำกรดจะไม่เท่ากัน ฉะนั้นจึงต้องทำ EQUAL CHARGER 1 ครั้ง และการชาร์จแบบนี้ กระแสไฟจะเข้าไปชาร์จอยู่นานกว่าแบบ NORMAL และควรทำ EQUAL ทุกๆ 2 สัปดาห์ ห้ามใช้ EQUAL CHARGER เป็นประจำทุกวัน เพราะจะทำให้แบตเตอรี่ร้อนจัดและเสื่อมเร็ว
    
วิธีการชาร์จแบตเตอรี่ประจำวัน
    1.) ปิดสวิทซ์กุญแจของรถโฟล์คลิฟท์มาที่ตำแหน่ง OFF ทุกครั้งก่อนทำการชาร์จ
    2.) ปลดปลั๊กแบตเตอรี่ออกจากตัวรถ และนำปลั๊กของแบตเตอรี่มาเสียบต่อกับปลั๊กของตู้ชาร์จ โดยจะต้องเสียบให้แน่น และเปิดฝาครอบเซลล์ทุกเซลล์ในขณะทำการชาร์จ
    3.) จ่ายกระแสไฟเข้าเครื่องชาร์จเจอร์
    4.) กดปุ่ม NORMAL เพื่อเริ่มต้นชาร์จ โดยชาร์จเจอร์จะทำการชาร์จไปเรื่อยๆ จนแบตเตอรี่เต็ม (VOLTAGE แต่ละเซลล์ประมาณ 24 โวลต์) หลังจากกระแสไฟจะสว่างขึ้น และการชาร์จก็จะทำงานต่อไปประมาณ 4 ชั่วโมง เมื่อครบ 4 ชั่วโมง ไฟบนตำแหน่ง UP ก็จะสว่างขึ้น แสดงว่าการชาร์จเสร็จสมบูรณ์ ตู้ชาร์จก็จะหยุดการชาร์จโดยอัตโนมัติ เปิดตู้ชาร์จและนำแบตเตอรี่ไปใช้งานได้


เทคนิคการบำรุงรักษารถโฟล์คลิฟท์ประจำวัน    
ก่อนติดเครื่องยนต์
    1. ตรวจดูความสะอาดภายนอก
    2. ตรวจระดับน้ำในหม้อน้ำและหม้อพักน้ำ
    3. ตรวจระดับน้ำมันเครื่อง         
    4. ตรวจดูระดับน้ำมันเชื้อเพลิง
    5. ตรวจดูระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ         
    6. ตรวจระดับน้ำมันไฮโดรลิค
    7. ตรวจระดับน้ำมันเกียร์พวงมาลัย
    8. ตรวจดูระดับน้ำมันเบรค
    9. ตรวจระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่
    10. ตรวจความตึงของสายพานเครื่องยนต์
    11. ตรวจการทำงานของเบรคมือและขาเบรค
    12. ตรวจระบบสัญญาณไฟเลี้ยว ไฟถอยหลัง ไฟส่องสว่างและสัญญาณแตร
    13. ตรวจสภาพความตึงของโซ่ยกของ
    14. ตรวจสภาพยางรถโฟล์คลิฟท์
    15. ตรวจวัดลมยางและเติมให้ได้แรงดันตามที่กำหนดไว้
    16. ตรวจรอยรั่วซึมตามจุดต่างๆ

หลังติดเครื่องยนต์
    1. ตรวจเช็คว่ามีเสียงดังผิดปกติจากเครื่องยนตืหรือไม่
    2. ตรวจดูไฟที่หน้าปัดดับหมดหรือไม่
    3. ตรวจระยะฟรีของพวงมาลัยและการบังคับเลี้ยว
    4. ตรวจการทำงานของชุดควบคุมอุปกรณ์ยกงาว่าทำงานเรียบร้อยหรือไม่

หลังใช้งานขณะที่เครื่องยนต์ยังติดอยู่
    1. จอดรถในสถานที่จอดรถกำหนดไว้
    2. ลดงาของรถให้อยู่ในแนวราบกับพื้นโรงงาน
    3. ล็อคเบรคมือให้เรียบร้อย
    4. หล่อลื่นตามจุดต่าง ๆ ให้เรียบร้อย เช่น โซ่ยกของ ชุดแผ่นทองเหลืองหลังเสา
    5. ตรวจเช็คดูการรั่วซึมจากการใช้งาน เช่น น้ำมันไฮโดรลิค น้ำมันเกียร์ น้ำมันเครื่อง และน้ำในหม้อน้ำ
    6. ตรวจเช็คฟังเสียงว่ามีเสียงอะไรผิดปกติหรือไม่
    7. หลังจากการใช้งาน ควรปล่อยให้เครื่องยนต์เดินเบาในตำแหน่งเกียร์ว่างประมาณ 3 นาที จึงค่อยดับเครื่องยนต์


หลังดับเครื่องยนต์
    1. เติมน้ำมันให้เต็มถังเพื่อพร้อมการใช้งานในวันต่อไป
    2. ปลดเกียร์ว่างไว้เสมอ และดึงลูกกุญแจรถออกเก็บยังที่เก็บ

ขนาดยางรถโฟล์คลิฟท์
3.50-5, 4.00-8, 2.00-8, 5.00-8, 15x4.50-8, 16x6-8, 18x7-8, 16x5-9, 6.00-9, 21x8-9, 140/55-9, 200/50-10, 6.50-10, 23x9-10, 4.50-12, 7.00-12, 23x10-12, 27x10-12, 8.25-12, 2.50-15, 3.00-15, 5.50-15, 7.00-15, 355/65-15, 7.50-15, 8.15-15 (28x9-15), 8.25-15, 28x12.5-15, 32x12.1-15, 300-15, 30x10-18, 30x10-20, 7.50-16, 9.00-16, 8.25-20, 9.00-20, 10.00-20, 12.00-20, 12.00-24, 13.00-24, 14.00-24, 14.00-25, 16.00-25, 18.00-25, 17.5-25, 20.5-25, 23.5-25, 26.5-25, 29.5-25, 15x4?-8
16x5-10.5, 16x6-10.5, 15.5-11.25, 16.25-11.25, 16.25x6-11.25, 18x6-12.15, 18x7-12.125, 21x7-15, 21x8-15, 22x2-16, 22x14-16, 28x10-22, 40x16-30, 250x105-170, 9.5-5, 10.5x6-5, 10x5-6.1875, 10x3-6.25, 10x4-6.25, 10x6-6.25, 10x7-6.25, 11x4-6.5, 12x3.5-8, 12x4-8, 12x5-8, 13.3.5-8, 13x4.5-8, 13x5-8, 13.5x4.5-8 14x4.5-8, 16.25x5-11.25, 16.25x6-11.25, 16.25x7-11.25, 16x4-12.125, 16x5-12.125, 17x5-12.125, 17x6-12.125, 17x5-12.125, 17x6-12.125, 18x5-12.125, 18x6-12.125, 18x7-12.125, 18x8-12.125, 18x9-12.125,20x8-15, 20x9-15, 8x2/1.20, 10x2/1.20, 10x3/1.20, 28x12.5-15/9.75, 30x10-20/7.5, 31x10-20/7.5, 33x12-20/7.5, 33x10.75-20/7.5

ลิ้งค์สำหรับยางรถโฟล์คลิฟท์ขนาดต่างๆ
15x41/2-8 16x6-8 18x7-8 21x8-9 23x10-12 23x9-10 250-15 27x10-12 28x9-15 300-15 4.50-12 5.00-12 5.00-8 5.50-15 5.70-12 6.00-15 6.00-9 6.50-10 6.50-16 6.90/6.00-9 7.00-12 7.00-15 7.00-16 7.00-9 7.50-10 7.50-15 7.50-16 8.15-15 8.25-12 8.25-15 8.25-16 9.00-16 

บทความเกี่ยวกับรถยนต์และยางรถยนต์ , สินค้ายางประเภทอื่นๆ , ติดต่อเรา

ขอบคุณรูปภาพประกอบบทความสวยๆจาก forklifttrucks.biz , forklifttrack.com , forkliftsservicesbc.com , bellforklift.com , pepsonline.com , skillssprout.com

1 ความคิดเห็น:

เติมลมยางแรงดันที่กำหนดไว้ประมาณเท่าไหร่คะ


EmoticonEmoticon