ควรเปลี่ยนยางเมื่อไหร่?


ยางรถยนต์ไม่ได้หมดอายุจากการสึกของดอกยางเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายสาเหตุที่ทำให้ยางหมดอายุได้ โดยแบ่งเป็น 6 ลักษณะ คือ ดอกหมด ไม่เกาะ เนื้อแข็ง โครงสร้างกระด้าง เสียงดัง หรือแก้มบวม ถ้าเกิดขึ้นเพียงลักษณะเดียวหรือควบคู่กัน ก็ถือว่ายางนั้นหมดอายุ

        การเปลี่ยนยาง ควรเปลี่ยนพร้อมกันทั้ง 4 เส้น เพราะยางผ่านการใช้งานมาเท่ากัน ย่อมมีการสึกหรอและสภาพภายในที่ใกล้เคียงกัน โดยควรเลือกใช้ยางรุ่น และขนาดเดียวกันทั้ง 4 ล้อ


เมื่อยางของคุณสึก ดอกหมด

        ถ้ายางดอกหมด หรือร่องยางเหลือตื้นมาก แต่ส่วนประกอบของยางเส้นนั้นยังดีอยู่ ก็ยังสามารถใช้บนถนนเรียบ และแห้งได้ และจะเกาะถนนแห้งดีกว่ายางมีดอกที่มีความกว้างเท่ากัน เพราะมีพื้นที่สัมผัสถนนมากกว่า ส่วนร่องยางมีหน้าที่ในการรีดน้ำ ฝุ่น และโคลนเป็นหลัก ยิ่งร่องตื้น หน้าสัมผัสของดอกยางก็ยิ่งมาก เพราะร่องยางส่วนใหญ่เป็นทรงกึ่งตัววี – V
ท่านสามารถดูความลึกของยางได้จากรูปลูกศร ที่ปรากฎอยู่บนไหล่ยางรถยนต์ทุกเส้นนั้น เป็นจุดที่คุณสามารถสังเกตุเห็นสะพานยาง ซึ่งอยู่ในร่องดอกยาง สะพานยางเป็นสันยางเล็กๆ ที่ถูกยกขึ้นมาจากฐานของร่องดอกยาง ถ้าดอกยางสึกถึงสะพานยาง (เหลือความลึกดอกยางประมาณ 1.6 มม) ให้คุณเปลี่ยนยางเส้นใหม่ โดยทันที หากคุณยังคงใช้ยางเส้นดังกล่าวต่อไป อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะการขับขี่รถยนต์บนพื้นถนนที่เปียกลื่น จะทำให้รถยนต์เสียการทรงตัวบนท้องถนน
        แต่รถยนต์ที่ขับใช้งานทั่วไป ไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าเมื่อไรจะเจอถนนเปียก เมื่อยางดอกหมดหรือหรือมีความลึกต่ำกว่าที่กำหนด ก็ควรเปลี่ยนชุดใหม่

เมื่อยางได้รับความเสียหาย แก้มบวม หรือมีความผิดปกติของแก้มยาง

        มักเกิดจากการหมดอายุของโครงสร้างภายใน หรือการกระแทกอย่างรุนแรง เช่น การขับตกหลุมหรือเบียดเข้าขอบทางเท้า จนโครงสร้างภายในบริเวณแก้มยางแตกหักเสียหาย บริเวณแก้มยางจะป่องออกมาคล้ายลูกมะนาว ซึ่งมีอันตรายมากอาจถึงขั้นยางระเบิด โดยเฉพาะถ้าเกิดขึ้นบริเวณแก้มยางด้านใน ซึ่งสังเกตได้ยาก
        ดังนั้นจึงมีข้อควรจำก็คือ หากตกหลุมหรือกระแทกอะไรแรง ๆ ควรรีบตรวจสอบยางเส้นนั้นอย่างละเอียดทั้ง 2 ด้าน ถ้าพบว่ามีการบวม ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่ทันที
เมื่อยางรถยนต์ของคุณได้รับความเสียหายจากการกระแทกกับวัตถุที่มีพื้นผิวแข็งบนท้องถนน เช่น ขอบถนน หลุมบ่อ หรือถูกตะปูตำ ให้ท่านนำยางเส้นนั้นไปให้ศูนย์บริการยางรถยนต์ หรือช่างผู้เชี่ยวชาญ ทำการตรวจสอบดูว่ายางเส้นนั้นสามารถที่จะซ่อมแซมได้หรือไม่ หรือจะต้องเปลี่ยนยางเส้นใหม่


โดยสาเหตุที่ต้องเปลี่ยนยางเส้นใหม่ คือ

1. การถูกบาดตำบริเวณแก้มยาง
2. เส้นลวดบริเวณขอบยางแทงทะลุออกมาด้านนอก หรือบิดเบี้ยวเสียรูป
3. เนื้อยางหรือเส้นใยโครงสร้างยางแยกตัวออกจากกัน
4. เกิดรอยยับ/พับที่เนื้อยางหรือเส้นใยโครงสร้างยาง
5. ยางได้รับความเสียหายจากสารไฮโดรคาร์บอน หรือจากการกัดกร่อนของสารเคมีหรือสารอื่นใด
6. เนื้อยางภายในท้องยางได้รับการเสียดสีหรือสึกหรอ เนื่องจากการใช้ความดันลมยางที่อ่อนเกินไปหรือไม่

เมื่อยางมีเสียงดัง

         เป็นผลต่อเนื่องมาจากการแข็งตัวของเนื้อยาง ทำให้ขาดความยืดหยุ่น ลื่น และเกิดเสียงดังขึ้นขณะขับ โดยเฉพาะยางที่มีดอกขนาดใหญ่ และร่องยางห่าง ซึ่งปกติก็มีเสียงดังอยู่แล้ว เมื่อผ่านการใช้งานไปนาน ๆ จะมีเสียงดังมากขึ้น

เมื่อยางเสื่อมสภาพ เนื้อยางแข็ง

        ตามพื้นฐานของผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยาง ที่เมื่อถูกความร้อน (ที่ไม่ร้อนจัดถึงขั้นละลาย) ก็จะค่อย ๆ แข็งขึ้น ยางรถยนต์ส่วนใหญ่ เมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง และได้รับความร้อนจากสภาพอากาศ พื้นถนน และการบิดตัวของยางเอง ซึ่งเกิดขึ้นตลอดการหมุน เนื้อยางก็จะแข็งขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเนื้อยางเริ่มแข็งขึ้น การสึกของดอกยางก็จะช้าลง มองดูแล้วเห็นว่าร่องยางยังลึกอยู่ แต่แรงเสียดทานระหว่างดอกยางกับผิวถนนจะมีน้อยลง และโครงสร้างภายในของยางก็เสื่อมสภาพลงด้วย
        หากเปรียบเทียบอัตราการสึกของดอกยางต่อระยะทาง เมื่อผ่านการใช้งานไปแล้ว แทบไม่มียางรุ่นไหนที่ดอกสึกเร็วขึ้น ส่วนใหญ่มักจะสึกช้าลงหรือแทบไม่สึกเลยเมื่อเนื้อยางแข็งกระด้างเต็มที่ ทดสอบง่าย ๆ โดยใช้เล็บจิกลงบนเนื้อของหน้ายาง เปรียบเทียบกับยางใหม่ ๆ ที่สามารถจิกลงไปในเนื้อยางได้ง่าย และลึกกว่า


เราไม่สามารถประมาณการอายุการใช้งานของยางแต่ละเส้นได้ เนื่องจากอายุการใช้งานของยาง ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน จึงขอแนะนำให้คุณหมั่นตรวจสอบสภาพภายนอกของยาง รวมถึงการสูญเสียหรือรั่วซึมของลมยาง และสิ่งผิดปกติต่างๆ เช่น การสั่นสะเทือนของยาง ยางมีเสียงดัง ยางดึงซ้าย-ขวา เป็นต้น อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าถึงเวลาที่ท่านจะต้องเปลี่ยนยางใหม่แล้ว นอกจากนี้ เราขอแนะนำให้คุณจัดให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบสภาพยางรถยนต์ทุกเส้นของคุณอย่างสม่ำเสมอ (รวมถึงยางอะไหล่ ยางรถลาก และยางรถพ่วงด้วย) เพื่อประเมินผลว่ายางรถยนต์ของคุณมีความเหมาะสมที่จะใช้งานต่อไปหรือไม่ หากคุณได้ใช้ยางดังกล่าวมากว่า 5 ปีนับจากวันผลิตแล้ว คุณควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบสภาพยางดังกล่าวเป็นประจำทุกปี และในกรณีที่ต้องเปลี่ยนยางใหม่ ให้คุณปฏิบัติตามหนังสือคู่มือประจำรถจากผู้ผลิตรถยนต์ หรือคำแนะนำของผู้ผลิตรถยนต์เกี่ยวกับการเปลี่ยนชิ้นส่วนของรถยนต์อย่างเคร่งครัด และในกรณีที่คุณได้ใช้ยางดังกล่าวมากว่า 10 ปีนับจากวันผลิตแล้ว คุณจะต้องเปลี่ยนยางใหม่ ในทันที แม้จะปรากฏว่ายางดังกล่าวยังคงมีสภาพดีและไม่สึกถึงสัญลักษณ์บอกระดับความลึกของร่องดอกยางก็ตาม

        หากดอกยางใหม่หมด เฉลี่ยคร่าว ๆ ว่า เมื่อเกิน 3 ปี หรือเกิน 50,000 กิโลเมตร หากต้องการใช้งานต่อ ต้องหมั่นตรวจสอบสภาพอย่างสม่ำเสมอ และควรหลักเลี่ยงยางเก่าเก็บ เพราะจะทำให้ระยะเวลาในการใช้ยางสั้นลงกว่า 3 ปี

ข้อมูลและรูปภาพจาก michelin.co.th , fordfiesta-club , weekendhobby.com

จำหน่ายทุกยี่ห้อ อาธิเช่น ยาง AUFINE , ADVANCE , DEESTONE , DURO , BKT , BRIDGESTONE , ARMOUR , SHUNGIN , VEE RUBBER , DOUBLE COIN , OASIS , SAMSON , OTANI , HANKOOK , AEOLOUS , CONTINENTAL , MICHELIN , EXCEL , NAGANO , SIAMES , AMS และอื่นๆอีกมากมาย

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ http://www.tiretruckintertrade.com/

บทความต่างๆเกี่ยวกับยางรถยนต์และบทความน่ารู้เกี่ยวกับการใช้รถยนต์

FANPAGE : https://www.facebook.com/tiretruckcenterintertrade

EMAIL : PONGME@HOTMAIL.COM , SALES@TIRETRUCKINTERTRADE.COM

TEL. : 053-510068 , 083-0938048 , 094-7201988   FAX : 053-510068


EmoticonEmoticon